![](pic/hkjr.gif)
![](01_files/linethai.gif)
![](vattumongkol/koonpan/botslek.jpg)
ภาพพระอุโบสถ์หลังเก่าในอดีตของวัดแก้วเจริญ ก่อนที่จะสร้างพระอุโบสถ์หลังใหม่
![](pic/watkeaw/keaw_04.jpg)
ที่ตั้งวัด
วัดแก้วเจริญ เป็นอารามราษฎร์ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ 10 ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ริมฝั่งขวาแห่งลำแม่น้ำอ้อม(คลองแควอ้อม) ติดกับปากคลองประดู่ที่ตั้งวัดนี้ เดิมเป็นหมู่บ้านที่ 1 ตำบลหัวลาด อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม มณฑลราชบุรี
วัดนี้ประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อ พ.ศ.2375 ชื่อว่า " วัดแก้วเจริญ " และได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2529 มีใบเสมาคู่ คงจะทำพิธีผูกพัทธสีมา 2 ครั้ง แต่ไม่ทราบว่ากระทำสมัยใด สันนิษฐานว่าน่าจะผูกพัทธสีมา ซ้ำในสมัยที่ปฏิสังขรณ์อุโบสถเรียบร้อยแล้ว
จังหวัดสมุทรสงครามมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง มีความศักดิ์สิทธิ์เชี่ยวชาญอภิญญาอยู่หลายรูป เป็นที่เคารพนับถือ มาจนทุกวันนี้ ได้แก่ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม , พลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี , หลวงพ่อสาย วัดจันทร์เจริญสุข , หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ และหลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ (สรีระยังบรรจุภายในโลงแก้วไว้ให้ประชาชน ได้กราบไหว้บูชา)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 เคยเสด็จประพาสวัดแก้วเจริญ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2447 โดยแวะซื้อเสบียงและทอดพระเนตรลิเก ปัจจุบันนี้วัดแก้วเจริญก็ยังเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในด้านการป่วยไข้ ด้วยมีพระหมอโรคกระดูกมีชื่อเสียง ประชาชนเดินทางไปหาจำนวนมากทุกวัน (หลวงตาปลั่งมรณภาพไปแล้ว ปัจจุบันศิษย์หลวงตาปลั่งดำเนินการต่อมา)
![](pic/watkeaw/keaw_10.jpg)
อาณาเขตและอุปจาระของวัด
ด้านหน้าวัดทางทิศเหนือจดลำแม่น้ำแควอ้อมยาว 6 เส้น 10 วา ทิศตะวัดออกจดคูวัดยาว 4 เส้น 12 วา ทิศใต้จดคูวัดยาว 3 เส้น 4 วา ทิศตะวันตกจด
คลองประดู่ ยาว 5 เส้น 6 วา
ลำดับเจ้าอาวาสวัดแก้วเจริญ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
1.พระอธิการต่าย
2.พระอธิการแย้ม
3.พระอธิการฟัก
4.พระอธิการคง
5.พระอธิการเปลี่ยน
6.พระครูสุนทรธรรมกิจ (หลวงปู่หยอด ชินวํโส) ![รายละเอียดเพิ่มเติม...](vattumongkol/pidta/ll1.gif)
7.พระครูสมุทรรัตนวัฒน์ (หลวงปู่ปาน) ![รายละเอียดเพิ่มเติม...](vattumongkol/pidta/ll1.gif)
8.พระครูสมุห์คำนวณ ปริสุทฺโธ ![รายละเอียดเพิ่มเติม...](vattumongkol/pidta/ll1.gif)
ประวัติความเป็นมา
วัดแก้วเจริญ เป็นวัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง และมีนามเดิม ชื่อว่าวัดอะไร เพราะได้รกร้างมาเป็นเวลานาน มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า ชาวบ้านท่าใหญ่กรุงศรีอยุธยาได้อพยพหลบภัยพม่าเมื่อเสียกรุง พ.ศ.2310 มาถึงสถานที่แห่งนี้แลเห็นทำเลเหมาะ จึงช่วยกันแผ้วถางจากริมคลองประดู่เข้าไป เพื่อจะสร้างบ้านเรือนอยู่ เมื่อแผ้วถางป่า ลึกเข้าไปประมาณ 3 เส้น ก็พบว่าเป็นวัดร้าง มีซากอุโบสถพระพุทธรูปศิลาแดง ปางต่าง ๆ มากมาย และพระพุทธรูป สร้างด้วยแก้ว ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากในกาลต่อมา มีใบเสมารอบอุโบสถพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ไม่มีผ้าพาด ซึ่งเรียกว่า พระกรวย อยู่เป็นอันมาก (ปัจจุบันไม่มีเหลืออยู่เลย) และมีเจดีย์รามัญ 2 องค์ ชำรุดหักพังอยู่ จึงทราบว่าเป็นอารามร้างไม่เหมาะจะสร้างสถานที่อยู่อาศัย จึงพา กันข้ามคลองประดู่ไปแผ้วถางสถานที่แห่งใหม่ ห่างจากวัด ประมาณ 5 เส้น หมู่บ้านท่าใหญ่ ตามชื่อเดิมของผู้อพยพมายังปรากฎอยู่จนทุกวันนี้
ยุคพระอธิการต่ายเป็นเจ้าอาวาส
เนื่องจากผู้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ที่เป็นคนแรกนั้นสืบไม่ได้ความชัดว่าเป็นผู้ใดสืบได้เพียงว่าพระอธิการต่าย ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ราว พ.ศ.2340 ในระหว่าง นี้มีกุฏิมุงจากฝากระแชงอ่อนเพียง 2 หลัง พระอุโบสถก็ยังมิได้จัดการปฏิสังขรณ์ คงปล่อยให้พระพุทธรูปประดิษฐานตากแดดตากฝนอยู่เช่นเดิม แต่พระพุทธรูป ที่สร้างด้วยแก้วนั้นเล่ากันว่า เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเป็นปูชนีย์วัตถุอันสำคัญ ใครจะมาบนบานอย่างไรย่อมสมความปรารถนา จึงพากัน ขนานนามวัดนี้ว่า " วัดแก้ว " ตั้งแต่นั้นมา โดยถือว่ามีพระแก้วเป็นศุภนิมิตรมงคล ต่อมาเห็นว่าพระพุทธปฏิมากรที่สร้างด้วยแก้วนี้เป็นของเล็ก เกรงโจรภัย เนื่องจากอุโบสถไม่มีฝาผนังและหลังคาดังกล่าวแล้ว เจ้าอาวาสพร้อมด้วยทายกทายิกาผู้มีศรัทธาปรึกษากันถึงเรื่องพระแก้วว่าจะเก็บรักษาไว้ที่ใดจึงจะ ปลอดภัย ต่างเห็นพร้อมกันว่าควรฝังไว้ที่ใต้ชุกชี เมื่อตกลงเห็นพร้อมกันเช่นนี้จึงได้จัดการฝังพระแก้วไว้ตามคำเล่ามานี้มีเหตุผลที่ควรฟังได้โดยคนโบราณ นิยมการฝังทรัพย์ที่มีค่าไว้ใต้แผ่นดิน
อนึ่งวัดนี้คงจะได้ทำพิธีผูกพัทธสีมา 2 ครั้ง แต่ไม่ทราบว่ากระทำสมัยใด ทั้งนี้มีข้อสังเกตได้จากใบสีมารอบพระอุโบสถที่ปักใบสีมา 2 แผ่นซ้อนกัน ทุกทิศ เข้าใจว่าเดิมคงปักใบสีมาแผ่นเดียวเหมือนกันเหมด แต่ที่ปรากฏปักไว้ 2 แผ่นนี้ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นด้วยพระสงฆ์ลังกาวงศ์เข้ามาตั้งรังเกียจ สมณวงศ์ ในประเทศไทย จึงรังเกียจสีมาที่สงฆ์ไทยได้ผูกไว้ ไม่ยอมทำสังฆกรรมร่วม เช่นอุปสมบทกรรมเป็นต้น พระเจ้าแผ่นดินจึงทรงอาราธนาพระสงฆ์ ลังกาวงศ์ประกอบพิธีผูกสีมาซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสะดวกแก่การทำสังฆกรรมได้ทั้งพระสงฆ์ลังกาวงศ์และพระสงฆ์นิกายเดิม วัดใดที่ผูกพัทธสีมาซ้ำแล้วจึง ได้ปักใบสีมาเพิ่มขึ้นเป็น 2 แผ่นเป็นสำคัญ ถ้าหากมิใช่เพราะเหตุนี้ก็คงจะผูกซ้ำในสมัยที่ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถเรียบร้อย หลังจากที่เป็นวัดสร้างมาสมัยหนึ่ง ดังกล่าวแล้วซึ่งพระอธิการต่ายถึงแก่มรณะภาพลงราว พ.ศ.2382
ยุคพระอธิการแย้มเป็นเจ้าอาวาส
หลังจากพระอธิการต่ายมรณะภาพ ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง 5 ปี ถึง พ.ศ.2388 พระภิกษุแย้ม ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสต่อมาจนถึงราว พ.ศ.2404 พระอธิการแย้มก็ลาสิกขาบท ในระหว่างนี้ไม่มีการก่อสร้างปฏิสังขรณ์วัดเลย ครั้นพระอธิการแย้มลาสิกขาบทแล้ว ตำแหน่งเจ้าอาวาสได้ว่างลงอีกราว 4 ปี
ยุคพระอธิการฟักเป็นเจ้าอาวาส
พระภิกษุฟัก บ้านเดิมอยู่ศาลาเขื่อน จังหวัดเพชรบุรี ทายกทายิกาที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในบริเวณวัดแก้ว จึงได้ไปอาราธนาพระภิกษุฟักมาเป็นเจ้าอาวาส เมื่อพระภิกษุฟักได้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว จึงจัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเป็นการใหญ่ ประกอบกับท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในนวกรรม ทายกทายิกาจึงเต็มใจช่วยเหลือ อย่างเข้มแข็ง การปฏิสังขรณ์ที่ควรยกขึ้นมากล่าวสมัยที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส คือ
1.จัดการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ โดยตั้งเตาเผาอิฐและกระเบื้องสำหรับมุงหลังคาเอง ส่วนตัวไม้ที่ใช้ปฏิสังขรณ์ก็จัดการล่องซุงมาเลื่อย และปรุงเอง
เสร็จ จัดการก่อฝาผนังอุโบสถด้วยอิฐถือปูน กว้าง 4 วา 1 คืบ ยาว 9 วา 2 ศอก สูง 4 วา 1 คืบ หลังคาเหยียบมุข 2 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผามีช่อฟ้าใบระกา พร้อม
ทั้งการปฏิสังขรณ์ชุกชีที่ประดิษฐานพระพุทธประธานและพระพุทธรูป ได้จัดการปิดทองพระพุทธประธานและพระพุทธรูปทั้งในและนอกอุโบสถ นับว่าการ
ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถสำเร็จเรียบร้อยในสมัยที่พระอธิการฟักเป็นเจ้าอาวาสราว พ.ศ.2425
2.จัดการสร้างกำแพงก่ออิฐถือปูนรอบพระอุโบสถ ยาว 1 เส้น กว้าง 15 วา สูง 3 ศอก มีซุ้มประตู 3 ซุ้ม และทุกซุ้มทำเป็นหน้าบันก่ออิฐ ถือปูน ประดับ ด้วยจานโบราณ
3.สร้างศาลาการเปรียญ 1 หลัง ยาว 7 วา ศอก 1 คืบ กว้าง 6 วา 3 ศอก 1 คืบ เสาไม้มะค่า พื้น ฝา เครื่องบน เพดานไม้สักล้วน มุงกระเบื้องดินเผา มีช่อฟ้าใบระกา เพดานเขียนเป็นรูปดวงพระอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงราหู และภาพเทพบุตร เทพธิดา คอสองเขียนภาพพุทธประวัติดำเนินตามตำนาน พระปฐม สมโพธิตั้งแต่ต้นจนตลอดเรื่อง กับสร้างธรรมาสน์แบบบุษบกอีก 2 ธรรมาสน์สำหรับภิกษุแสดงพระธรรมเทศนา
4.สร้างหอเจริญพระพุทธมนต์ 1 หลังกว้าง 3 วา 1 ศอก 1 คืบ ยาว 5 วา 1 คืบ เสาไม้เต็งรัง รอดไม้แดง นอกนั้นไม้สักล้วน หลังคามุงกระเบื้อง (หอสวดมนต์หลังนี้รื้อย้ายไปไว้หลังวัด เพื่อเอาที่สร้างตึกพระปริยัติธรรม พ.ศ. 2492)
5.สร้างหอระฆังจัตุรมุขหลังคาลด 2 ชั้น มุงกระเบื้องมีช่อฟ้าใบระกาประดับกระจกพร้อมกับสร้างระฆังแขวนไว้ในหอระฆังด้วย (รื้อเอาที่ดิน สร้าง ตึก ปริยัติธรรม พ.ศ.2492 และมิได้ปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมขึ้นใหม่ เพราะอุปกรณ์ทุกส่วนชำรุดมาก)
6.สร้างกุฏิเพิ่มขึ้นอีก 4 หลัง ซึ่งเดิมมีเพียง 2 หลัง รวมเป็น 6 หลัง แต่กุฏิทุกหลังมุงด้วยจากทั้งสิ้น (เปลี่ยนมุงกระเบื้องสมัย ท่านพระครูเปลี่ยน เป็น
เจ้าอาวาสหมดทุกหลัง)
7.สร้างศาลาท่าน้ำสำหรับเป็นทางขึ้นกุฏิ 2 หลัง ขึ้นศาลาการเปรียญ 1 หลัง กับไว้ทางหลังวัดติดกับคลองประดู่อีก 1 หลัง ทุกหลังสร้างแบบทรง ไทยโบราณ
8.สร้างถนนก่ออิฐถือปูนสำหรับขึ้นกุฏิ 1 สาย ไปพระอุโบสถ 1 สาย ไปศาลาการเปรียญ 1 สาย และไปสุสานสถาน 1 สาย
9.สร้างธรรมาสน์จมูกสิงห์ไว้ในพระอุโบสถ สำหรับนั่งสวดพระปาฏิโมกข์ 1 ธรรมาสน์
10.สร้างคัมภีร์เทศนาจารึกด้วยอักษรขอมไว้เป็นอันมาก อาทิเช่น พระภิกขุปาฏิโมกข์ พระอภิธรรม 8 คัมภีร์ พระอภิธรรมมัตถสังคหะ พระปฐมสม โพธิกถา จริยาปิฎกเถรคาถา เถรีคาถา พระมาลัยสูตร ฎีกาพาหุง โตรโลกวิตถาร ไตรโลกพิสดาร มิลินทปัญหา วิมานวัตถุ เปตวัตถุ พระธรรมบทขุทกปาฐพระ
พุทธวงศ์ กับคัมภีร์อื่นๆ อีกมาก นอกจากคัมภีร์ใบลานแล้ว ยังมีตำรับตำราสมุดข่อยอีกมาก นับว่าในยุคพระอธิการฟักเป็นเจ้าอาวาสวัดได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นโดย
ลำดับทั้งในส่วนการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งในส่วนการศึกษาเกือบจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้วางรากฐานแห่งความวัฒนาให้แก่วัด ครั้นถึง พ.ศ. 2453 พระอธิการฟัก ถึง
แก่มรณภาพลงด้วยโรคชรา
ยุคพระอธิการคงเป็นเจ้าอาวาส
หลังจากพระอธิการฟักถึงแก่มรณภาพ พระภิกษุคง ชาติภูมิอยู่ที่บ้านท่าใหญ่ ในคลองประดู่ ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา การก่อสร้างปฏิสัง-
ขรณ์ในสมัยของท่าน คือ
1.นายปลั่ง นางโหมด บุญศรี ซื้อเรือนฝากระดานขนาดใหญ่มาปลูกถวายเป็นหอเจริญพระพุทธมนต์ 1 หลัง สร้างศาลาดินขนาดกว้าง 4 วา ยาว 6 วา 2 ศอก 1 หลัง
2.นางเอียม บ้านคลองประดู่ สร้างศาลาตรีมุขถวาย 1 หลัง
3.นายมังกร นางสุดใจ สุนทรศ สร้างอาศน์สงฆ์เชื่อมติดกับศาลาการเปรียญ 1 หลัง
4.สร้างโรงเรียนหนังสือไทยแบบเรือนโบราณติดกับศาลาการเปรียญ 2 หลัง
5.จัดการเปลี่ยนกระเบื้องดินเผาที่มุงพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ ศาลาท่าน้ำทุกหลัง เป็นกระเบื้องซีเมนต์
6.สร้างบันไดก่ออิฐถือปูนสำหรับขึ้นลงตรงหน้าวัด 2 บันไดแฝดกับสร้างถนนตรงขึ้นศาลาดินด้วย
7.ก่อถนนอิฐถือปูนจากศาลาการเปรียญไปสู่ศาลาท่าน้ำทางทิศเหนือ 1 สาย ไปศาลาตรีมุข 1 สาย และซ่อมถนนไปสุสานสถาน 1 สาย
8.เจดีย์ที่ประดิษฐานอยู่ในบริเวณวัดทั่วไป ได้มีการก่อสร้างสมัยนี้แทบทั้งสิ้น
ในสมัยพระอธิการคงเป็นเจ้าอาวาส มีการก่อสร้างปฏิสังขรณ์และการศึกษาตามที่กล่าวมา ครั้นถึง พ.ศ.2468 ก็ถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชรา
ยุคพระอธิการเปลี่ยนเป็นเจ้าอาวาส
พระภิกษุเปลี่ยน (ฉายแก้ว) สุวณฺณโชโต ชาติภูมิอยู่คลองประดู่ ในท้องที่ หมู่ 6 ตำบลวัดเพลง กิ่งอำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี ได้รับตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาสสืบต่อมา ในยุคที่พระอธิการเปลี่ยนเป็นเจ้าอาวาส ได้จัดการปลูกสร้างวางระเบียบกุฏิให้เข้าแถวสวยงามขึ้น บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุที่เจ้าอาวาส องค์ก่อนๆสร้างไว้ให้คงสภาพดีขึ้น กับได้ก่อสร้างเพิ่มเติมสิ่งจำเป็นขึ้นอีกดังกล่าวข้างหน้า นอกจากนี้ยังได้ให้ความอุปถัมภ์บำรุงการศึกษาทั้งสามัญศึกษา และศาสนศึกษาจนเป็นหลักฐานมั่นคง เรียกว่าท่านเป็นผู้ให้กำเนิดการศึกษา อันมั่นคง แก่สำนักองค์แรกซึ่งเป็นอนุสรณ์อยู่จนทุกวันนี้ การก่อสร้างปฏิสังขรณ ์ และการศึกษาในสมัยที่พระอธิการเปลี่ยนเป็นเจ้าอาวาส คือ
1. พ.ศ.2469 ได้ซ่อมแซมพระอุโบสถโดยรื้อผนังลงทั้งหมดแล้ววางรากผนังใหม่กว้างใหญ่กว่าเดิม ก่ออิฐถือปูนสูง 3 วา 2 ศอก กว้าง 6 วา 1 คืบ ยาว 9 วา 2 ศอก พร้อมด้วยซุ้มประตู 4 ซุ้ม ซุ้มหน้าต่าง 10 ซุ้ม ติดช่อฟ้าใบระกาสำเร็จเรียบร้อยในปลายปี 2469 นั้นเอง
2.นายปลั่ง นางโหมด บุญศรี เป็นผู้บริจาคทรัพย์สร้างกระเบื้องซีเมนต์ปูพื้นอุโบสถ สร้างศาลาท่าน้ำคอนกรีต สร้างถนนคอนกรีต สร้างบันไดคอน - กรีต สร้างซุ้มประตูกุฏิคอนกรีต สร้างกุฏิเสเต็งรังพื้นและตัวไม้ทั้งหมดเป็นไม้สัก หลังคามุงกระเบื้อง 1 หลัง
3. นายเถิม นางถนอม มณีหค บริจาคทรัพย์เหมาช่างปูนพื้นรอบพระอุโบสถและบูรณะกำแพงรอบพระอุโบสถ
4. นายมังกร นางสุดใจ สุนทรศ บริจาคทรัพย์บูรณะถนนสายไปอุโบสถ 1 สาย ต่อหอเจริญพระพุทธมนต์อีก 2 ห้อง ซึ่งแต่เดิมมีเพียง 3 ห้อง ให้เป็น 5 ห้อง สร้างส้วมซึม 1 หลัง มีชักโครกพร้อมทั้งสูบโยกน้ำสำหรับใช้ในห้องส้วม
5. นางเจียว วรรณา ถวายเรือนฝากระดานทรงโบราณ เสาไม้เต็ง พื้นไม้แดง นอกนั้นไม้สักล้วน หลังคามุงกระเบื้อง มาเป็นกุฏิ 1 หลัง
6. นางผัน บ้านบางสำโรง ถวายเรือนปั้นหยา เสาไม้เต็ง พื้นไม้ตะเคียน นอกนั้นไม้สักล้วน ฝาเฟี้ยม หลังคามุงกระเบื้อง มาเป็นกุฏิ 1 หลัง
7. นายแอ นางม่วย และนายสวน นางเน้ย น้อยศิริ รวมทุนร่วมสร้างถนนหน้าวัด 1 สาย สร้างท่าน้ำพร้อมด้วยบันไดคอนกรีต และโป๊ะลอย พร้อมด้วย รางเฆ่ 1 โป๊ะ
8. นางเฟื้อ พรพานิช สร้างโรงเรียนประชาบาล 1 หลัง ทำเป็น 2 ชั้น กว้าง 7 เมตร ยาว 21 เมตร พื้นชั้นล่างไม้แดง บั้นบนไม้ยาง เสาคอนกรีต ฝาไม้สะเดาดง หลังคามุงกระเบื้อง
9. พระครูเปลี่ยน ได้จัดสร้างสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ สร้างบันไดก่ออิฐถือปูน สำหรับขึ้นลงกุฏิ 2 บันได สร้างบันไดสำหรับขึ้นลงศาลาการเปรียญ 1 บันได สร้างกุดังสำหรับเก็บศพ 1 หลัง สร้างเชิงตะกอนสำหรับเผาศพ 1 ที่ รื้อกุฏิที่สร้างไม่เข้าระเบียบ จัดสร้างให้เข้าระเบียบทั้งหมด กุฏิหลังใดมุงด้วยจาก
ก็จัดเปลี่ยนมุงกระเบื้องทั้งหมด นอกจากการก่อสร้างดังกล่าวแล้ว ยังได้ซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุที่ชำรุดให้คงคืนสภาพเดิมอีก และยังได้สร้างสิ่งของ
ภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ เช่น พรมปูในพระอุโบสถ ถ้วยชาม จาน ฯลฯ ไว้เป็นอันมาก นับการก่อสร้างเป็นระเบียบเรียบร้อยมากในสมัยของท่านพระครูเปลี่ยน
10. สำหรับตำแหน่งหน้าที่ส่วนตัวของท่านนั้น ท่านได้เป็นเจ้าอาวาส พ.ศ.2468 เป็นเจ้าคณะตำบลหัวหาด วัดประดู่ พ.ศ.2470 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. 2481 และเป็นพระครูประทวน พ.ศ.2484 แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ท่านได้ป่วยเป็นโรคผอมแห้ง (วัณโรค) อยู่ประมาณเกือบ 10 ปี และในที่สุดท่านก็ถึงแก่มรณ
ภาพลงเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2464 คำนวณอายุได้ 47 ปี พรรษา 27
![](pic/lpyoad/lpyoad.gif)
ยุคพระครูสุนทรธรรมกิจ เป็นเจ้าอาวาส
เมื่อพระครูเปลี่ยน สุวณฺณโชโต ถึงแก่มรณภาพลงแล้ว พระสุทธิสารวุฒาจารย์เจ้าคณะอำเภออัมพวาได้ประชุม พระภิกษุสามเณรในสำนักวัดแก้วเจริญ ตลอดถึงทายกทายิกาที่ขึ้นอยู่ในวัด หารือการจัดตั้งผู้รักษาการ ต่างพร้อมใจกันมอบให้พระภิกษุสุนทร ชินวํโส รักษาการในตำแหน่ง เจ้าอาวาสืบต่อไปและในขณะเดียวกันนี้พระสุทธิสารวุฒาจารย์ เจ้าคณะอำเภอ ได้มอบให้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าคณะตำบลสืบแทน ท่านพระครูเปลี่ยนอีกตำแหน่งหนึ่ง พระภิกษุสุนทร ชินวํโส ได้ดำรง ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด และเจ้าคณะตำบล เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2484 อายุ 31 พรรษา 11 พระภิกษุสุนทร ชินวํโส รักษาการ เจ้าอาวาสเพียง 3 เดือนเศษ คือถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2484 ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องอุปกรณ์การ ก่อสร้างทุกอย่าง ตลอด ถึงเครื่องอุปโภคบริโภค ขาด
แคลน จึงมิได้มีการก่อสร้างสิ่งใดที่เป็นหลักฐานขึ้นเลย คงแต่เพียงดูแลซ่อมแซมเสนาสนะและถาวรวัตถุที่ชำรุด ให้อยู่ในสภาพดี และดำเนิน การศึกษาเจริญ
รอยท่านพระครูเปลี่ยนตลอดมา นอกจากนี้ก็มี การปราบพื้นที่ดิน โดยขอแรงประชาชนมาช่วยกันขุดขนที่สูงถมที่ต่ำ อันเป็นหลุมเป็นบ่อมาแต่สมัยพระอธิการฟัก ทำอิฐให้เสมอเป็นพื้นที่แผ่นดินเดียวกันทั้งหมด ครั้นสงครามสงบเรียบร้อยแล้ว ได้ดำเนินการก่อสร้าง ปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ ให้เจริญก้าวหน้า มาโดยตลอด โดยอาศัยศรัทธาจากศิษยานุศิษย์ และประชาชน ร่วมแรงร่วมใจพัฒนาวัดให้เกิดสิ่งก่อสร้าง และสิ่งอำนวยความสะดวก จนเป็นที่รู้จักเลื่องลือตราบเท่าปัจจุบัน ![รายละเอียดเพิ่มเติม...](vattumongkol/pidta/ll1.gif)
![](pic/lppan.gif)
ยุคพระครูสมุทรรัตนวัฒน์ เป็นเจ้าอาวาส
นับแต่พระเดชพระคุณหลวงปู่หยอด ชินวํโส มีอาการอาพาธอยู่เนืองๆ ในช่วงปัจฉิมวัย ต้องเข้ารักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลมาโดยตลอด ตั้งแต่ ปลายปี พ.ศ.2536 ทำให้การดำเนินงานของวัดในส่วนต่างๆ ชะงักลง โดยเฉพาะงานการก่อสร้างหอ สุนทรธรรมกิจราษฎร์สังสรรค์ ซึ่งท่านกำหนดไว้เป็น หอสวดมนต์ หอระฆัง หอกลอง และหอฉันภัตตาหารของพระภิกษุสงฆ์ งานการสร้างกุฏิสงฆ์แนวทิศตะวันตกทรงไทยไม้สักทอง แบบเดียวกับกุฏิสงฆ์ด้าน ทิศตะวันออก และงานการคณะสงฆ์ที่ต้องประสานงานอย่างต่อเนื่อง พระเดชพระคุณได้มอบหมายให้พระเกษม อาภสฺสโร ดูแลงานของวัดสืบแทนในระหว่าง การพักรักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลพญาไท 1 ครั้งสุดท้าย โดยแต่งตั้งให้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดแก้วเจริญ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2540 โดยลงนามแต่งตั้งในฐานะเจ้าคณะตำบลเหมืองใหม่เขต 1 ซึ่งนับเป็นความกรุณา
ที่ได้ไว้วางใจในศิษย์ซึ่งพระเดช
พระคุณ
อุปสมบทให้ สร้างความซาบซึ้งใน เมตตาคุณแก่พระภิกษุเกษม อาภสฺสโร เป็นล้นพ้น และตั้งปฏิทาแน่วแน่ในอันจักตอบแทนพระคุณ
ด้วยกตัญญู
กตเวทิตาคุณให้ถึงที่สุด โดยได้สานงานต่อตามที่พระเดชพระคุณค้างไว้สำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็ว
ตามลำดับในช่วงระยะ 1 ปี ยังเหลืองานรายละเอียด
บางส่วน
ก็จะสำเร็จลุล่วงดังที่พระเดชพระคุณมุ่งหวัง แต่ท่านก็ได้มรณภาพลงเมื่อวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2541 ทำให้ต้องพักการก่อสร้างด้านรายละเอียด
เพื่อจัดงาน
บำเพ็ญกุศลศพพระเดชพระคุณตลอดช่วง 100 วัน ด้วยวิริยะอุตสาหะตอบแทนพระคุณให้ถึงที่สุด และได้รับแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดแก้วเจริญ ดูแลกิจการงาน
ของวัด
สืบแทนพระเดชพระคุณจนถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 ![รายละเอียดเพิ่มเติม...](vattumongkol/pidta/ll1.gif)
![](vattumongkol/nakpokpong/lpnuan.gif)
สิ่งสำคัญภายในวัดที่ควรชม และนมัสการได้แก่
1. พระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปโบราณคู่มากับวัด ไม่มีพระนามปรากฎแกะสลักด้วยศิลาแดง
2. พระพุทธรูปอื่น ๆ ในอุโบสถ เป็นของเก่าไม่น้อยกว่า 10 องค์ ขนาดต่าง ๆ กัน เป็นพระพุทธรูปศิลาแดงทุกองค์
3. พระพุทธรูปนอกอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปศิลาแดงทั้งสิ้น ปางต่าง ๆ อันได้แก่ ปางป่าเลไลย์ ปางไสยาสน์ และปางมารวิชัย
4. กุฏิสงฆ์ และหอฉัน เป็นเรือนไทยมีระเบียบสวยงามมาก
5. พิพิธภัณฑ์เรือชนิดต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 40 ลำ
![](pic/watkeaw/keaw_16.jpg)
![ภาพขยาย...](pic/tassaneepab/lek/view_08_resize.JPG)
![ภาพขยาย...](pic/tassaneepab/lek/view_24_resize.JPG)